Children's art.

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทับกระดาษ.....


ที่ทับกระดาษ..จากปูนปลาสเตอร์  เป็นผลงานอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถดัดแปลงโดยใช้วัสดุได้หลายรูปแบบ สำหรับครั้งนี้วัสดุที่ใช้เราจะใช้ปูนพลาสเตอร์นำมาผสมนํ้าในสัดส่วนที่พอเหมาะตามคำแนะนำข้างถุงปูนปลาสเตอร์ที่เราซื้อมาแล้วนำมาเทใส่บล็อกแม่พิมพ์จะเป็นถ้วย หรือแก้วก็ได้ที่มีพื้นผิวค่อนข้างเรียบและมีความมัน  จากนั้นก็ทิ้งไว้รอให้ปูนแห้ง  เมื่อแห้งดีแล้วก็แกะบล็อกแม่พิมพ์ออกเราก็จะได้แบบปูนขาวๆ      

สี ที่เราใช้ระบายหรือทาลงบนปูนปลาสเตอร์นั้นโดยทั่วๆไปคือสีนํ้าพลาสติกหรือสีนํ้าอคริลิคหรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสีทาบ้าน สีชนิดนี้เหมาะที่จะทาลงบนพื้นผิวปูนหรืปูนปลาสเตอร์และก็หาได้ทั่วๆไปตามร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง แต่จะไม่ได้สีครบทุกสีที่เห็นก็มีแต่สีหลักๆขาวเหลืองแดงนํ้าเงินและก็ดำ แต่สีที่ใช้จะผสมขึ้นเองโดยอาศัยสีขาวอย่างเดียวเป็นหลัก สีที่ใช้ไม่ผสมนํ้า ข้อดี คือทาสีได้เนียนและมีเนื้อสีที่หนาและก็มีผลดีกับการเคลือบเงาด้วย หรือจะใช้สีโปสเตอร์ก็ได้ค่ะ





 ก่อนจะลงสีเราควรร่างภาพลงในแผ่นปูนคร่าวๆ ซะก่อน โดยใช้ดินสอร่างเบาๆ นะคะจะออกแบบเป็นภาพอะไรก็ได้ค่ะ เพราะภาพที่เราจะนำมาลงสีนั้น เราจะใช้สีโปสเตอร์ระบายด้วยพู่กัน ดังนั้นเราควรจะผสมสีโปสเตอร์ใส่ภาชนะเอาไว้หลายๆ สี และแต่ละครั้งที่จุ่มสีแต่ละสี ควรจะล้างพู่กันให้สะอาดเพื่อที่สีแต่ละสีจะไม่หม่อนหมองหรือไม่สดใส
 ระบายสีค่อนข้างลำบากไม่เหมือนระบายในกระดาษ เราควรจะต้องหาที่วางที่ทับกระดาษให้สูงจากพื้นโต๊ะพอสมควร และสามารถหมุนผลงานของเราได้ด้วย เมื่อระบายเสร็จแล้วต้องการให้ภาพเด่นชัดมากขึ้น ควรจะตัดเส้นสีดำด้วยพู่กันตามรอยดินสอที่เราร่างภาพ



เมื่อผลงานเสร็จแล้วภาพที่เราได้ระบายสีจะดูด้านๆ เพราะปูนพาสเตอร์ได้ดูดสีเอาไว้บางส่วน แล้วลองสังเกตเวลาจับผลงานสีจะติดมือเล็กน้อย ดังนั้นเราควรจะนำผลงานผึ่งแดดให้แห้งสนิท แล้วพ่นเคลียร์ เคลือบเงารอบด้านทั้งด้านล่างและด้านบน เมื่อแห้งแล้วผลงานจะมันและเงามากขึ้นเวลาโดนน้ำสีจะไม่ติดมือติดกระดาษ






           



         
              


วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การ์ดวันคริสต์มาส






















วิธีการทำ


1.    ใช้กระดาษ 2 แผ่น แผ่นแรก คือปกหรือกรอบด้านนอก
       ส่วนแผ่นที่สองใช้ปิดด้านใน แล้วตัดเป็นเส้นๆ สำหรับเมื่อกางการ์ดออกแล้ตัวการ์ตูนหรือภาพอะไรก็ได้จะ
       พุ่งออกมาเพื่อให้เกิดภาพ 3 มิติ  ส่วนภาพก็ต้องตัดเป็นรูปร่างลงสีให้เรียบร้อย แล้วใช้กาวลาเท็กซ์ติด
2.    ส่วนเรื่องราวของภาพก็ตกแต่งด้วยวัสดุเหลือใช้ หรือจะวาดภาพประกอบตามความคิดสร้างสรรค์ของน้องๆค่ะ
3.    สำหรับด้านนอกก็วาดภาพประกอบเรื่องราวตามตัวอย่างก็ได้นะคะ  มีการเขียนตัวหนังสือประกอบเรื่องราว
       เว้นขาวบ้างก็จะทำให้ผลงานดูสะอาดตาดีค่ะ...ลองทำดูนะคะ







ความสำคัญของวันคริสต์มาส
คริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่ง ในศาสนาคริสต์ มิใช่เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกาย จัดงานรื่นเริงภายนอกเท่านั้น ซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอก ของการฉลองคริสต์มาส แต่แก่นแท้อยู่ที่ความรักของพระเจ้าที่ มีต่อโลกมนุษย์ นั่นคือ พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากจน ถึงกับยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ มีเนื้อหนังมังสา ชื่อว่า “เยซู” การที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติ ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น จากการเป็นทาสของความชั่ว และบาปต่างๆ นั่นเอง ดังนั้น ความสำคัญของวันคริสต์มาส จึงอยู่ที่การฉลองความรัก ที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์ อย่างเป็นจริงเป็นจัง และเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

บรรยากาศคริสต์มาสในเมืองไทย มักจะเริ่มด้วยห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ จะตกแต่งห้างด้วยสีสันต่างๆ รวมทั้งต้นคริสต์มาส อันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส กันอย่างหรูหรา สิ่งเหล่านี้ เป็นบรรยากาศที่ ชักจูงให้เราคิดถึง วันสำคัญของชาวโลกวันหนึ่ง ก็คือ “วันคริสต์มาส” ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกนาทีนั่นเอง





วันคริสต์มาส คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซู มิใช่เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรดาๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมีพระธรรมชาติเป็นพระเจ้า และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วย ….

ประวัติการประสูติพระเยซูเจ้า
ในเวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคนในอาณาจักรโรมัน ไปลงทะเบียนสำมะโนประชากร โยเซฟและมารีย์ ซึ่งมีครรภ์แก่ จึงต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม อันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ พอดีถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้คลอดบุตรชายหัวปี เธอเอาผ้าพันกายพระกุมารแล้ววางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พักเลย
                 คืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระเจ้า ปรากฎแก่พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาตกใจกลัวมาก แต่ทูตสวรรค์ปลอบพวกเขาว่า “อย่ากลัวไปเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เอง ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็นหลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมาร มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า” ทันใดนั้น มีทูตสวรรค์อีกมากมาย ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าว่า

                ขอเทิดพระเกียรติพระเจ้า ผู้สถิตย์ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
                      สันติสุขบนพิภพ จงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย

ทำไมจึงวันฉลองคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม
ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าบังเกิดในสมัยที่ จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยมีคีรินิอัส เป็นเจ้าครองเมืองซีเรีย ซึ่งในพระคัมภีร์ ไม่ได้บอกว่า เป็นวันหรือเดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ทื่คริสตชนเลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า และถือเสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รู้สึกอึดอัดใจ ที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตามประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ และอย่างเปิดเผย เนื่องจากก่อนนั้น มีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรง (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 64-313) ทำให้คริสตชน ไม่มีโอกาสฉลองอะไรอย่างเปิดเผย



http://www.baanmaha.com/community/thread7486.html
จากเว็ปบ้านมหา ดอทคอม

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เส้น รูปแบบ ของสัตว์




เส้น คือ ร่องรอยที่เกิดจากเคลื่อนที่ของจุด  หรือถ้าเรานำจุดมาวางเรียงต่อๆ กันไป  ก็จะเกิดเป็นเส้นขึ้น เส้นมีมิติเดียว คือ ความยาว ไม่มีความกว้าง ทำหน้าที่เป็นขอบเขต ของที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง นํ้าหนัก สี ตลอดจนกลุ่มรูปทรงต่าง ๆ รวมทั้งเป็นแกนหรือ โครงสร้างของรูปร่างรูปทรง 
               เส้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญของงานศิลปะทุกชนิด เส้นสามารถให้ความหมาย แสดง ความรู้สึก และอารมณ์ได้ด้วยตัวเอง และด้วยการสร้างเป็นรูปทรงต่าง ๆ ขึ้น  เส้นมี 2 ลักษณะคือ เส้นตรง (Straight Line) และ เส้นโค้ง (Curve Line)  เส้นทั้งสองชนิดนี้ เมื่อนำมาจัดวางในลักษณะต่างๆ กัน จะมีชื่อเรียกต่าง ๆ และให้ความหมาย ความรู้สึก ที่แตกต่างกันอีกด้วย  ลักษณะของเส้น



1. เส้นตั้ง หรือ เส้นดิ่ง ให้ความรู้สึกทางความสูง สง่า มั่นคง แข็งแรง หนักแน่น     เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อตรง 
2. เส้นนอน ให้ความรู้สึกทางความกว้าง สงบ ราบเรียบ นิ่ง ผ่อนคลาย 
3. เส้นเฉียง หรือ เส้นทะแยงมุม ให้ความรู้สึก เคลื่อนไหว รวดเร็ว ไม่มั่นคง 
4. เส้นหยัก หรือ เส้นซิกแซก แบบฟันปลา ให้ความรู้สึก คลื่อนไหว อย่างเป็นจังหวะ มีระเบียบ ไม่ราบเรียบ น่ากลัว อันตราย ขัดแย้ง ความรุนแรง 
5. เส้นโค้ง แบบคลื่น ให้ความรู้สึก เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ลื่นไหล ต่อเนื่อง สุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล 
6. เส้นโค้งแบบก้นหอย ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว คลี่คลาย หรือเติบโตในทิศทางที่ หมุนวนออกมา ถ้ามองเข้าไปจะเห็นพลังความเคลื่อนไหวที่ไม่สิ้นสุด
7. เส้นโค้งวงแคบ ให้ความรู้สึกถึงพลังความเคลื่อนไหวที่รุนแรง การเปลี่ยนทิศทาง ที่รวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง 
8. เส้นประ ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่อเนื่อง ขาด หาย ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความเครียด


รูปแบบของการวาดเส้นสัตว์นํ้า
สัตว์นํ้า เป็นภาพของสิ่งมีชีวิตที่มีความเคลื่อนไหว มีลีลา โดยเฉพาะปลาจะมีลักษณะ โดยรวมคล้ายกัน เช่น รูปทรงมักจะแบนแนวตั้ง มีตา 2 ข้าง มีครีบ มีหาง มีเกล็ด จะแตกต่างจากนี้ก็อาจจะเป็นแนวที่มองกว้างไปอีก ในสัตว์นํ้าก็แยกออกไปอีก เป็นนํ้าจืด นํ้าเค็ม ซึ่งนอกจากปลาก็เป็นปะการัง หอย กุ้ง เต่า ฯลฯ 

รูปแบบวาดเส้นภาพนก
นก เป็นสัตว์ หรือ สิ่งมีชีวิตที่บินได้ มีส่วนที่ยึดกางออกได้ คือ ปีก เพื่อการบินไปมาในอากาศดังนั้นจะมีลีลาที่เคลื่อนที่ และ อยู่กับที่โดยการเกาะบนต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นก็เดินบ้างบนพื้นดินหรือหลังคาบ้าน ในการวาดเส้น กิ่งไม้ ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของสัตว์พวกนี้





วาดเส้นดอกไม้ 
ดอกไม้ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของความสวยงาม ทั้งรูปร่าง สีสัน กลิ่นหอม และมีจำนวนมาก สามารถนำมาเลือกประกอบงานต่าง ๆ ได้หลากหลาย ในการศึกษาก่อนการนำมาเส้นมีตั้งแต่ขั้นง่ายสุด คือ วาดจากรูปดอกไม้ที่มีอยู่แล้ว จากรูปในหนังสือทั่วไปซึ่งจะได้ในลักษณะที่หนังสือให้มา แต่ถ้าให้ได้มุมภาพดังใจก็ต้องไปถ่ายภาพดอกไม้จากมุมนั้นมาแล้วนำมาวาด






สรุป
ลักษณะการวาดเส้นภาพเหมือนจริงจากธรรมชาติ เพื่อนำไปในงานออกแบบ หรือ ไปประยุกต์ใช้งาน ลักษณะของการถ่ายทอดต้องมีความเรียบง่าย ชัดเจน แสดงรายละเอียดสมบรูณ์ถูกต้องของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็นสิ่งมีชีวิตพวก นก ปลา พืช และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันในการใช้สอย และมีการพัฒนาสิ่งของเหล่านี้ต่อไปในงานออกแบบ ลักษณะของการวาดเส้นจะยึดภาพร่างเค้าโครงของสิ่งนั้น เช่น เส้น รูปวงกลม รูปเหลี่ยม เป็นการจัดรูปร่าง เพื่อสะดวกในการระบายสีด้วย






        



วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลายดอกพุดตาน




เด็กไทยสามารถวาดลายดอกไม้เบื้องต้นอย่างง่ายๆได้ซึ่ง ดอกชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่ช่างสิบหมู่ชอบนำมาใช้วาดประกอบตัวผลงาน เช่น ภาพฝาผนังทั่วไป บานประตู ลายไทยในวรรณคดี หรือภาชนะต่างๆ ดอกพุดตานเป็นดอกไม้ไทยที่สวยงามมาก มีหลายสีในดอกเดียวกันและจะเปลี่ยนสีตามกาลเวลา การวาดรูปก็สามารถช่วยใช้เด็กๆ มีสมาธิได้ดีมาก โดยเฉพาะการใช้พู่กัน ช่วยให้มีความมั่นใจสูงที่เดียวในการตัดสินใจที่จะระบายให้อยู่ในกรอบภาพ เมื่อสีแห้งแล้วต้องตัดเส้นด้วยสีดำจะช่วยทำให้ผลงานเด่นขึ้นมา
วาดภาพโดย เด็กหญิงปรายฟ้า คงเมือง อายุ 14 ปี

ลายไทยในวรรณคดี

ช่างไทยสามารถประดิษฐ์ลายดอกพุดตาน ออกมาได้ใกล้เคียงกับของจริงมากเลย แถมพุดตานยังเป็นดอกไม้สวยแปลก ตรงที่ดอกจะค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เริ่มตั้งแต่ดอกบานด้วยสีขาว ไล่ไปเป็นสีชมพูอ่อน จนถึงสีชมพูเข้ม
ลายช่อดอกพุดตานนี้ จะอยู่ในโครงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และมีลายกระหนกก้านขดใบเทศ งอกออกมาทางด้านล่าง ของก้านช่อดอกด้วย

        ภาพที่ ๑: วาดโครงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน พร้อมแบ่งเส้นแกนตั้ง แกนนอน ตามภาพก่อน
ต่อจากนั้นก็เริ่มออกลาย วาดช่อดอก ใบ และช่อกระหนกตามรูป
ภาพที่ ๒: ใส่รายละเอียดของของดอกพุดตาน แบ่งกลีบ แรเส้นด้านใน เติมใบ บากลาย และวาดลายกระหนกก้านขดให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ดอกไม้ไทย

พุดตาน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus mutabilis L.; ชื่อสามัญ: Dixie rosemallow; Cotton rose; Confederate rose)
ลักษณะ พุดตานเป็นไม้พุ่มเตี้ย ตามต้นและกิ่งมีขน ใบมีลักษณะคล้ายใบฝ้าย ขนาดใหญ่ ขอบใบหยัก ดอกมีขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายดอกชบาซ้อน บานในตอนเช้า เมื่อแรกบานจะมีสีขาว เมื่อสายจะเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู และเป็นสีชมพูเข้มในตอนบ่าย ออกดอกดกตลอดทั้งปี
ต้นพุดตาน ชอบอยู่กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ไม่ชอบที่แฉะหรือมีนํ้าขัง ปลูกได้ดีในที่ดอน ดินร่วนซุย ต้องการนํ้าและความชื้นปานกลาง


วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จินตนาการสร้างภาพ


จินตนาการ ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร
การสร้างภาพขึ้นในจิตใจ. (ป. จินฺตน + อาการ)  หรือ การคิดเห็นภาพขึ้นในใจ, ทางจิตวิทยาตรงกับศัพท์ imagination.

จินตนาการ (Imagination) 
หมายถึง กระบวนการคิดสร้างภาพในสิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ไม่เคยทราบมาก่อน คล้ายกับการคาดเดา คาดหมายว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็นอย่างไร เป็นการคิดในสิ่งที่แปลกใหม่ที่จะนำไปสู่กระบวนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ อาจเป็นการเพ้อฝันที่เหนือจริงโดยไม่มีข้อมูล หลักฐานมาสนับสนุน  หรือ คิดฝันโดยมีหลักฐาน ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเป็นฐาน แล้วอาศัยเหตุผลและผลมาประกอบ ซึ่งแม้จะยังไม่เป็นจริงในขณะนั้น แต่ก็อาจเป็นจริงได้ในอนาคต

จินตนาการของเด็ก คือจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์
หมู่นี้เราได้ยินพ่อแม่พูดกันบ่อยๆว่า “อยากเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์” หนังสือเล่มนี้ก็พูดถึงความคิดสร้างสรรค์ของเด็กมาบ้างแล้ว
แต่ว่าระบบการศึกษาของทุกวันนี้ยังอยู่ในลักษณะยัดเยียดความรู้ให้เด็ก ดังนั้นเด็กจำนวนมากจึงถูกผลิตขึ้นมาให้เป็น “เด็กรู้ดี” แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่กลับไม่รู้ว่าจะทำอะไร ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาตั้งแต่วัยเด็ก
ความคิดสร้างสรรค์คืออะไร การให้คำจำกัดความในเรื่องนี้ยากมากแต่ตามความเข้าใจในเบื้องต้นคง หมายถึง การแสดงจินตนาการหรือความรู้สึกอิสระในเรื่องที่เด็กมีความสนใจอย่างจริงจัง ในระดับสูงมีการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา ความคิดสร้างสรรค์ในระดับสูงคงมีสิ่งที่เป็นภาวะวิสัย (objective) เช่น ทฏษฎีความคิด สิ่งประดิษฐ์แต่สิ่งเหล่านี้มาพัฒนามาจากความประทับใจและการรับรู้แบบอัตวิสัย (subjective) ในวัยเด็กเล็ก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าเป็นจินตนาการอันไร้สาระของเด็กนั่นแหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์


 ผลงานการจินตนาการภาพนี้ เป็นผลงานของ น้องตะวัน อายุ 7 ขวบ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยานอาวกาศ



การจินตนาการสร้างสรรค์ที่น่าสนใจนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรยอมรับและส่งเสริมให้เติบโตต่อไป
นี่เป็นโปสเตอร์ภาพวาดซึ่งวาดภาพบ้านในฝันของเด็กๆ Papillon Papillonnage ศิลปินชาวฝรั่งเศสเป็นผู้วาดขึ้นมาได้อย่างน่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ ตัวบ้านมี 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นก็มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง มีภาพห้องต่างๆ ซึ่งเผยถึงการตกแต่งภายใน จากฝีมือลายเส้นวาดน่ารักๆ นั่น ทำให้เราย้อนนึกไปถึงสมัยยังเป็นเด็กกันอยู่ เด็กส่วนใหญ่มักวาดภาพกันตามจินตนาการ บางครั้งก็ไม่เหมือนจริง แต่ทุกครั้งที่ได้กลับมาดูลายเส้นโย้เย้ไปมา เรามักจะมีความภูมิใจและขบขันกับลายเส้นของตัวเองกันเสมอ


ตัวอย่าง เช่น เวลาเราให้ตุ๊กตาหุ่นสำหรับสวมมือเล่น หรือทำหน้ากากแก่เด็ก แกจะเล่นเหมือนกับว่าแกเป็นลิงหรือเป็นหมีตัวนั้น โดยสร้างเรื่องจากประสบการณ์ที่แกเคยสนใจสวนสัตว์จากนิทานที่เคยได้ยิน เวลาเด็กดูภาพใดภาพหนึ่งแกจะเกิดจินตนาการชนิดที่ผู้ใหญ่นึกไม่ถึงเลยทีเดียว
กล่าวกันว่า จิตรกรเอกและนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่สมัยเรอเนสซองส์คือ เลโอนาร์โด ดาวินซี่ สมัยเด็กๆ เคยจินตนาการว่ารอยเปื้อนและรอยแยกบนผนังบ้าน เป็นแม่มดที่กระโจนเข้ามา หรือเป็นสัตว์ประหลาดกำลังอาละวาดกันอยู่ สมมุติว่าผู้ใหญ่กำลังอ้าปากร้องก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ผู้ใหญ่ไม่ควรทำหน้ารู้ดีและดุเด็กว่า”ไม่ว่าจริงๆนี้มันไม่ใช่รูปปลาสักหน่อย รูปกระถางต่างหากเล่า” เพราะเป็นการยับยั้งจินตนาการสร้างสรรค์ของเด็กซึ่งกำลังจะเบ่งบาน
ที่มาบางส่วน : http://www.prc.ac.th/newart/webart/design01.html
                http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1115c699099c566b 
                บ้านในฝันน่ารักสดใสที่เด็กๆ ชื่นชอบ | Living Oops!  www.livingoops.com
                นำมาจากรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว เขียนโดย  มาซารุ อิบุกะ  แปลโดย  ธีระ สุมิตร และ
                        พรอนงค์ นิยมค้า  ฟิสิกส์ราชมงคลขอขอบคุณครับ

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การสร้างภาพโทนสีผสม / Creating a mixed tone


ความหมายของสี
สี หมายถึง แสงที่มากระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าตาจะทำให้เห็นเป็นสีต่างๆ การที่มองเห็นวัตถุเป็นสีใดๆ ได้นั้นเพราะวัตถุนั้นดูดแสงสีมาจากที่อื่นแล้วสะท้อนตัวมันเอง เช่น วัตถุสีแดง เมื่อมีแสงส่องกระทบก็จะดูดทุกสีสะท้อนแต่สีแดงทำให้เกิดการมองเห็นเป็นสีแดง และรับรู้สีได้เพราะเมื่อสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ไอแซก นิวตัน ได้ค้นพบ ว่าแสงสีขาวจากดวงอาทิตย์เมื่อหักเหผ่านแท่งแก้วสามเหลี่ยม ( prism) แสงสีขาวจะกระจายออกเป็นสีรุ้งเรียกว่า สเปคตรัม มี 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง (ศักดา ศิริพันธุ์. 2527 : 5 อ้างถึงใน http://rbu.qru.ac.th/~somsak/design/ lesson5/ lesson_5.html ) และได้มีกำหนดให้เป็นทฤษฎีสีของแสงขึ้น ความจริงสีรุ้งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นและพบเห็นกันบ่อยๆ อยู่แล้วโดยเกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์หรือแสงสว่างเมื่อผ่านละอองนํ้าในอากาศซึ่งลักษณะกระทบต่อสายตาให้เห็นเป็นสีมีผลถึงจิตวิทยาคือ มีอำนาจให้เกิด ความเข้มของแสงที่อารมณ์และความรู้สึกได้การที่ได้เห็นสีจากสายตา สายตาจะส่งความรู้สึกไปยังสมองทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ ตามอิทธิพลของสี เช่น สดชื่น เร่าร้อน เยือกเย็น หรือตื่นเต้น มนุษย์ต้องเกี่ยวข้องกับสีต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเพราะทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นล้วนแต่มีสีสันแตกต่างกันมากมาย

           การสร้างภาพโทนสีร้อน-สีเย็น ของเด็กอายุไม่ตํ่ากว่า 8 ขวบนั้น เมื่อผลงานออกมาแล้วไม่คิดว่าเด็กๆ จะทำได้สมบูรณ์ การไล่โทนสีทำได้ 7 ระยะ สำหรับเด็กโตการแบ่งค่าของสีค่อนข้างละเอียดและชัดเจน ซึ่งต้องสอดคล้องกับการออกแบบด้วยเป็นสำคัญ


ตัวอย่างสี โทนร้อน-โทนเย็น 
            แบ่งออกเป็น 7 ระยะ เริ่มที่สีร้อนได้แก่ เหลือง ส้มเหลือง ส้ม ส้มแดง แดง แดงม่วง ม่วง สีเย็นได้แก่ เหลือง เขียวอ่อน  เขียวสด เขียวแก่ ฟ้าเข้ม น้ำเงิน ม่วง

           เมื่อเราระบายสีภาพตามโทนสีแล้ว เราสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างได้เลย ภาพที่ระบายสีเย็นจะมีความรู้สึกสบาย ร่มเย็น สบายตา สบายใจ มีสมาธิมากขึ้น แล้วโทนสีนี้เราก็นำมาจากสีของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเรานี่เอง กลุ่มโทนสีเขียวก็นำมาจากสีของป่า ส่วนกลุ่มโทนสีฟ้าก็นำมาจากสีของทะเล  และภาพที่ระบายสีร้อนจะมีความรู้สึกสดใส ร้อนแรง มีชีวิตชีวา อบอุ่นก็ได้ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แล้วโทนสีนี้เราก็นำมาจากสีของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวของเรานี่เองเหมือนกัน กลุ่มโทนสีแดงก็นำมาจากดวงอาทิตย์ที่เป็นแสงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ เวลานำมาระบายอยู่ด้วยกันสีค่อนข้างร้อนแรงเอามากๆ



           เมื่อนำ 2 กลุ่มโทนสีมารวมกันโดยการไล่สีก็เป็นอย่างที่เราเห็นล่ะคะ...รู้สึกสนุก ตื่นเต้น สีจัดจ้านร้อนแรง ทำให้ไม่น่าเบื่อ บางจุดเมื่อมีสีโทนเย็นมาเบรคทำให้มีเรื่องราวในตัวเองแต่เราสามารถสร้างภาพให้ดูเด่นและชัดเจนได้ โดยการระบายสีโทนร้อน-โทนเย็นแบ่งระหว่างรูปภาพกับพื้นหลังของภาพอย่าลืมตัดเส้นดำนะคะ ดังตัวอย่างของเด็กๆ

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วาดภาพวัย 3 ขวบ


วาดภาพกิจกรรมเพิ่มพลังสมองลูกน้อยวัย 3 ขวบ 
        เพราะช่วง 3 ขวบปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่สมองของลูกเติบโตมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ หากคุณพ่อคุณแม่สร้างสิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้เหมาะสม สมองของเขาก็จะเติบโตและพัฒนาได้อย่างเต็มที่ และเป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการด้านต่างๆ ของเขาในวัยต่อๆ ไป กิจกรรมเสริมสร้างพลังสมองให้ลูกควรสอนให้เด็กรู้จักเล่นคนเดียว เด็กวัยนี้ไม่ใช้มือกำดินสอเทียนแล้ว แต่จะใช้ปลายนิ้วจับเอาไว้ รู้จักต่อแท่งไม้สูงๆ รู้จักใช้เสียมเล็กๆขุดดิน แม่ควรคิดหาทางใช้ความสามารถเหล่านี้ของเด็กและหัดให้เล่นคนเดียว มีกิจกรรมีมากมายที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น…
        * เล่นจับปูดำขยำปูนา ตบแผะ จ้ำจี้ ฯลฯ การเล่นเช่นนี้ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวมือ ขา ร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว 
        * หมั่นชวนลูกดูหนังสือภาพ เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นสายตาและการมองแล้ว ยังช่วยให้เขาได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้สิ่งรอบตัวผ่านหนังสือภาพได้ 
        * เล่านิทาน จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของภาษาและการสื่อสาร กระตุ้นการคิด จินตนาการ สมาธิ และที่สำคัญทำให้ลูกรู้ว่าเรารักและทำให้เขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย 
        * หาของเล่นที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ของเล่นที่ช่วยพัฒนาความคิด จินตนาการ ฝึกความอดทน ฝึกการแก้ปัญหามาให้ลูกเล่น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นของแพงหรือมีกลไกซับซ้อน เช่น กล่องกระดาษ กระบะทราย 
         * เด็กผู้หญิงที่ชอบตุ๊กตา ก็ซื้อตุ๊กตาและชุดหม้อข้าวหม้อแกง หรือชุดเครื่องเรือนให้ และปล่อยให้เล่นคนเดียว ซึ่งมองเห็นแม่ได้
        * ร้องเพลงกล่อมลูก เสียงสูงๆ ตํ่าๆ และมีจังหวะจะโคน ช่วยกระตุ้นสมองได้ดี พัฒนาการของภาษา สมาธิ การคิด ความจำจะถูกกระตุ้นจากเสียงเพลง ข้อสำคัญคือช่วยตอกยํ้า ให้ลูกรับรู้ถึงความรักและความห่วงใยที่พ่อแม่มีให้ 
* เด็กที่ชอบดนตรีน่าจะเปิดเพลงให้ฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงคลาสสิค ลูกทุ่ง ลูกกรุง หรือเพลงแจ๊ส เพลงรำวงก็เพลงเหมือนกัน
 * เด็กวาดมโนภาพเก่งขึ้น จะหมกหมุ่นอยู่กับการเล่น จนไม่สนใจแม่ว่าจะอยู่ด้วยหรือไม่ แม้ว่าสนามที่บ้านจะเล็ก มีที่ว่างเพียงวาเดียว ก็น่าจะสร้างสนามทราย ไว้เป็นที่เล่นของเด็ก ที่จะขนของเล่นไปเล่นคนเดียวที่นั่น
         * เด็กที่ชอบเขียนภาพ ควรหาสีเทียนและกระดาษแผ่นใหญ่ๆ ให้แกขีดเขียนไปพลาง พูดพรรณาไปเรื่อยๆ ควรให้กระดาษแผ่นใหญ่ๆ เพราะถ้ากระดาษพื้นที่ไม่พอ เด็กจะขีดพื้นขีดผนังบ้าน







       
































          พัฒนาการทางร่างกาย ของเด็กวัยนี้ก้าวหน้าเร็วมาก วิ่งเร็วขึ้น และหกล้มน้อยลง เดินด้วยเท้าเปล่าได้ เด็กบางคนสามารถเดินบนท่อนไม้เดียว ที่วางพาดข้ามคูคลองได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และเล่นชิงช้าเองได้โดยไม่กลัว แต่เราต้องไม่ลืมว่า เด็กแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ควรปล่อยให้เด็ก เล่นอยู่แต่ในบ้านทั้งวันด้วย การเล่นต่างๆดังกล่าวข้างต้น

          สิ่งสำคัญคือ ทุกกิจกรรมที่เราทำต้องเกิดขึ้นจากความรัก ความเข้าใจในธรรมชาติของลูก โดยไม่เอาลูกเราไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เพราะเด็กแต่ละคนจะมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  นิตยสารรักลูก
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
อ้างอิงแผนงาน : ร่วมวางแผน พัฒนาการบริหาร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้น กำกับติดตาม ประเมินผลและรายงานผลด้านนักเรียน ด้านครู ด้านกายภาพ และด้านอื่น ๆ ตามแนวนโยบายและระเบียบปฏิบัติของโรงเรียน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เด็กปฐมวัยกับผลงานศิลปะ

             เด็กวัยนี้เป็นช่วงที่โครงสร้างสมองซีกขวาซึ่งเกี่ยวกับศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการดีมาก ถ้าส่งเสริมอย่างให้ถูกทางและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไหร่หยุดหรือไม่มีพัฒนาการต่อเนื่อง บีบบังคับ สร้างความเป็นระบบแบบแผนมากเกินไป ล้วนแล้วแต่เป็นตัวขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก
การศึกษาไทยยังไม่มีความเข้าใจในการพัฒนาเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์ จะเห็นว่าทุกวันนี้เราพยายามสร้างกระบวนการคิดสร้างสรรค์ให้แก่เด็กไทยมากขึ้น หากแต่บางครั้งก็ยังไม่มีความเข้าใจมากพอ เด็กแต่ละวัยมีความแตกต่างกันในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างกระบวนการคิดสร้างสรรค์จึงต้องต่างกันไป
  เด็กในระดับชั้นปฐมวัย จึงจำต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ เราจะเน้นให้เด็กเกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เมื่อเขาสนุกและเพลิดเพลิน แล้วจะทำให้เขาสามารถคิดอะไรได้แปลกใหม่อย่างมีอิสระ และเสรีภาพ คนที่จะสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เด็กต้องเข้าใจ มิฉะนั้นจะไม่สามารถสร้างสถานการณ์ของการเรียนการสอนได้ ในการพัฒนาเสรีภาพการเขียนการคิดได้อย่างแท้จริง
วิชาศิลปะเป็นวิชาที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดจินตนาการได้เต็มที่ตามที่ได้เห็น เด็กสามารถสร้างจินตนาการได้กว้างกว่าที่เราจะคาดเดาได้ บางทีก็อาจจะสะท้อนจิตใจความรู้สึกของ บางครั้งเด็กไม่สามารถถ่ายทอดเป็นคำพูดได้แต่สามารถถ่ายทอดมาทางงานศิลปะได้ วิชาศิลปะเป็นฐานทางการศึกษาพัฒนาการเด็กซึ่งควรเริ่มตั้งแต่เด็กยังเล็กอยู่การเรียนการสอนศิลปะสำหรับเด็ก ปฐมวัยนั้นจะมุ่งเน้นถึงพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กมากกว่าผลงาน ดังนั้นจะเห็นว่ากิจกรรมต่างๆ ทางศิลปะจะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง และสัมพันธ์กับการใช้ตา เช่นการ ดินนํ้ามัน ปั้นแป้ง ระบายสี และการวาดรูป เด็กได้ใช้ส่วนต่างๆของนิ้วมือ แขน ไหล่ และส่วนอื่นๆของร่างกาย เป็นการ เตรียมความพร้อมในด้านการใช้กล้ามเนื้อเล็กและใหญ่เป็นอย่างดี ทำให้เด็กสามารถหยิบจับสิ่งต่างๆได้ อันจะนำไปสู่การเรียนของเด็กต่อไป
      ศิลปะกับความคิดสร้างสรรค์ นักจิตวิทยาทางการศึกษาทั่วโลกเชื่อกันว่าเด็กทุกคนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และสามารถพัฒนาให้เจริญงอกงามได้ตามระดับความสามารถของแต่ละบุคคล ถ้าหากเด็กนั้นๆได้รับการเสริมและสนับสนุนให้มีการแสดงออกภายใต้ บรรยากาศสบายๆ สำหรับเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ในตัว สามารถพิจารณาจากพฤติกรรมได้หลายด้านดังนี้
              1.  การเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยความคิดของตนเอง
2.  การเป็นผู้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง
  3.  การเป็นผู้กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
               4.  การเป็นผู้ชอบสำรวจตรวจสอบความคิดใหม่ ๆ
        5.  การเป็นผู้มีประสาทสัมผัสอันดีต่อความงาม
6.  การเป็นผู้สอบสวนสิ่งต่างๆ
จะเห็นได้ว่าการสร้างสรรค์ คือการเจริญงอกงามทั้งด้าน พฤติกรรม ความคิด ร่างกาย และศิลปะ คือ เครื่องมือที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพราะกระบวนการทางศิลปะไม่มีขอบเขตแห่งการสิ้นสุด สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้แก่เด็กได้ตลอดเวลานอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กเกิดความคิดที่ไม่จบสิ้นอย่างต่อเนื่องและก้าวไปยังโลกแห่งจินตนาการอย่างไม่ขอบเขต








การเรียนศิลปะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร
1.  ทำให้เด็กได้ฝึกการใช้จินตนาการอย่างอิสระ ซึ่งจะมีผลให้เด็กเป็นคนกล้าคิดกล้าริเริ่มสิ่ง ใหม่ๆ ทำให้เด็กได้แสดงออกถึงสิ่งที่ตนคิดและรู้สึกโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยัง     
2.  ไม่สามารถสื่อสารทางตัวอักษรได้ดีทำให้เด็กรักการทำงานและมีความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อการสร้างสรรค์งานศิลปะของเด็กแต่ละชิ้นเสร็จสิ้นลง
เด็กจะรู้สึกภาคภูมิใจกับผลงานของเขามากทำให้กระตือรือร้นที่จะสร้างผลงานชิ้นใหม่ต่อไปช่วยฝึกความประณีตและสมาธิเพราะใน
   3.  ขณะที่เด็กพยายามควบคุมมือให้สามารถวาดระบายสีหรือประดิษฐ์สิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จนั้นต้องใช้ความตั้งใจความพยายามและใช้สมาธิที่แน่วแน่
  4.  มั่นคงตามวุฒิภาวะของเด็กแต่ละวัยทำให้เด็กเป็นคนมีสุนทรียภาพ มีความละเอียดอ่อนในจิตใจ ทำ ให้รู้คุณค่าในธรรมชาติ ศิลปะวัตถุ หรือ
     5.  รูปแบบความคิดต่างๆ ทำให้มีชีวิตและจิตใจที่งดงาม ฝึกให้เด็กรู้จักการทำงานร่วมกัน รู้จักปรับตัวและปรับความคิดให้สอดคล้อง
  6.  ยอมรับซึ่งกันและกัน อันเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีและเป็นประชาธิปไตยในสังคม





ข้อมูลอ้างอิง
           ชุดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสมองของเด็กปฐมวัย
http://gotoknow.org/blog/kruoil/210983
            แหล่งข้อมูลหนังสือแนวการจัดกิจกรรมและสื่อการเรียนการสอนระดับก่อนประถศึกษาhttp://www.clinicdek.com/index.php?option=com_content&task=view&id=414&Itemid=61

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

งานปั้นของหนูแบบ 2 มิติ


งานปั้น ส่วนใหญ่ในสมัยโบราณเป็นงานปั้นด้วยดิน
ซึ่งได้สร้างขึ้นตามงานปั้นแบบไทยประเพณี ด้วยโบราณวิธี ตามความรู้ของช่างปั้นแต่ก่อนนั้น อาจจำแนกงานปั้น และ วิธีการปั้นดินออกเป็นแต่ละประเภท คือ

        งานปั้นดินดิบ งานปั้นประเภทนี้ใช้ดินเหนียว ที่นำมาจากแหล่งดินในธรรมชาติทั่วไป หากต้องการให้มีความแข็งแรง และคงทนอยู่ได้นานๆ จึงนำเอาวัสดุบางอย่างผสมร่วมเข้ากับเนื้อดิน เพื่อเสริมให้ดินมีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นเป็นพิเศษ ได้แก่ กระดาษฟาง กระดาษข่อย และตัวไพ่จีน เป็นต้น
        งานปั้นดินเผา เป็นงานปั้นประเภทใช้ดินเหนียว ซึ่งนำมาจากแหล่งดินในธรรมชาติทั่วไป เช่นเดียวกับดินที่ ใช้ในงานปั้นดินดิบ แต่เนื้อดินที่จะใช้ในงานปั้นดินเผา ต้องใช้ทรายแม่น้ำ ที่ผ่านการร่อนเอาแต่ทรายละเอียดผสม ร่วมกับเนื้อดินแล้ว นวดดินกับทรายให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน และทำให้เนื้อดินแน่น อนึ่ง การที่ใช้ทรายผสม ร่วมกับดินเหนียวเช่นนี้ ก็เพื่อช่วยมิให้เนื้อดินแตกร้าว เมื่อแห้งสนิท และ นำเข้าเผาไฟให้สุก
        งานปั้นดินดิบ และ งานปั้นดินเผา ในลักษณะงานปั้นแบบไทยประเพณี ช่างปั้นอาศัยเครื่องมือร่วมด้วยกับการปั้นด้วยมือของช่างปั้นเองด้วย เครื่องมือ สำหรับงานปั้นดินอย่างโบราณวิธี มีดังนี้
                 ไม้ขูด        ใช้สำหรับขูด ควักดิน
                 ไม้เนียน     ใช้สำหรับปั้นแต่งส่วนย่อยๆ
                 ไม้กวด      ใช้สำหรับกวดดินให้เรียบ
                 ไม้กราด    ใช้สำหรับขูดผิวดิน ส่วนที่ไม่ต้องการออกจากงานปั้น
       เครื่องมือ สำหรับงานปั้นอาจจะมีจำนวนมาก หรือน้อยชิ้น หรือมีต่างๆ ไปตามแต่ความต้องการ และจำเป็น สำหรับช่างปั้นแต่ละคนวิธีการและขั้นตอนการปั้น
            ในสมัยปัจจุบันเป็นการนำเอาวัสดุอ่อนที่สามารถรวมกันได้  หรือแบ่งแยกออกจากันได้  เช่น  ดินเหนียว  ดินน้ำมัน  ขี้ผึ้ง มาตกแต่งทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามต้องการ  โดยใช้วิธีขยำ  บีบ  นวด  ตัด  ขัด  ขูด  ปะ  เป็นต้น
ประเภทของงานปั้น งานปั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. งานปั้นแบบนุนตํ่า เป็นรูปปั้นที่มีแผ่นหลังรองรับ และภาพจะนูนสูงขึ้นมาจากพื้นเพียงเล็กน้อย มองเห็นด้านหน้าได้เพียงด้านเดียว เช่น เหรียญต่างๆ พระเครื่องที่มีลักษณะเป็นเหรียญ เป็นต้น



2. งานปั้นแบบนูนสูง  
เป็นรูปปั้นที่มีแผ่นหลังรองรับ คล้ายรูปปั้นนูนต่ำ แต่ภาพจะนูนสูงขึ้นมาจากพื้นรองรับมากกว่า และมีการลดหลั่นตามความเหมาะสม เช่นรูปประดับฝาผนัง



3. งานปั้นแบบลอยตัว  เป็นรูปปั้นที่สามารถมองเห็นได้ทุกด้านโดยรอบ  มีลักษณะเป็นภาพ  3  มิติ  ส่วนมากมักจะมีฐานเพื่อสามารถวางตั้งกับพื้นได้  เช่น  รูปปั้นอนุสาวรีย์ต่าง  รูปปั้นเครื่องใช้ต่าง ๆ  เป็นต้น 



ผลงานวันนี้ี เป็นการปั้นนุนต่ำแต่ทำเป็นแบบเม็ด เม็ด แล้วติดกาวติดลงบนพื้นกระดาษสี แต่ครั้งนี้ก็คล้ายๆกัน เพียงแต่เราจะไม่ทำแบบเม็ดๆ แต่เราจะทำแบบเรียบๆ แบนๆ



 หรือเรียกว่าปั้น แบบ 2 มิติ แล้วมันคืออะไร? 



การปั้นงานแบบ 2 มิติ ก็คือ การปั้นนูนต่ำค่ะ ต่ำมากๆ สูงเหนือพื้นเพียงเล็กน้อย เราสามารถมองเห็นได้เฉพาะด้านบน เห็นความกว้าง ความยาวได้ชัด ส่วนด้านข้างเห็นได้น้อย แต่เราต้องใช้กาวลาเทกซ์ทาด้านหลังด้วยนะคะ แล้วค่อยติดลงบนการะดาษโปสเตอร์สีชนิดแข็ง  เวลานำดินน้ำมันติดลงบนกระดาษ เราควรร่างภาพเบาๆ บางๆ เป็นแบบก่อนแล้วก็นวดดินน้ำมันให้นิ่ม แบ่งดินทีละน้อยแล้วบี้ลงบนกระดาษให้อยู่ในขอบเขตที่เราร่างดินสอไว้นะคะ ส่วนพื้นหลังเป็นสีของกระดาษอยู่แล้ว ก็เป็นอันเสร็จวิธีการปั้นดินน้ำมันนูนต่ำแบบง่ายๆสำหรับเด็กเล็กๆ อายุประมาณ 4 ขวบ                 




ข้อมูลบางส่วนมาจาก...ช่างสิบหมู่  http://www.changsipmu.com/